ปัญหา “โสเภณี” ในสังคมไทยมีมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีใครแก้ไขปัญหานี้ได้อย่าง “ตรงจุด” และ “จริงจัง” เลยกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในสังคมไทย ผู้ชายชาวต่างชาติหลายๆประเทศ หลายๆกลุ่ม มองผู้หญิงไทยแบบเหมารวมว่า “ผู้หญิงไทยเป็นหญิงบริการที่ขายร่างกายแลกกับเงิน” เวลานักเรียน นักศึกษา หรือพนักงานที่เป็นผู้หญิงไทยเดินทางไปต่างประเทศ มักโดนสายตาจากผู้ชายชาวต่างชาติ(ในหลายๆประเทศ)มองอย่างดูถูก บางคนถึงกับเดินเข้ามาถาม “ราคา” กันเลยทีเดียว
บทความที่เจ้าของกระทู้นำมาให้อ่านในวันนี้ ถึงจะไม่ใช่บทความใหม่(เจ้าของเรื่องเธอได้โพสไว้ตั้งแต่ปี 2007) แต่ในสายตาชาวต่างชาติ “ภาพลักษณ์ของผู้หญิงไทย” กว่าครึ่งประเทศยังถูกกล่าวหาว่าเป็น “โสเภณี” เราคนไทยจะมีวิธีแก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุดและยั่งยืนได้อย่างไร?
นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่คนในประเทศของเราต้องคิดและหาทางแก้ไข เพื่อให้ผู้หญิงไทยที่ไม่ได้ประกอบอาชีพขายบริการทางเพศถูกหยามเหยียด และไม่ให้ประเทศของเราถูกมองจากชาวต่างชาติในทางที่ผิด
นิตยสารไทม์เคยบอกว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งฝันร้าย เพราะเต็มไปด้วยนานาปัญหาของคนเมือง ไม่ว่ารถติดวินาศสันตะโร อากาศเป็นพิษเข้าขั้นวิกฤตคูคลองแม่น้ำเน่าเสีย ปัญหาคุณภาพชีวิต ชุมชนแออัดเกลื่อนเมือง ฯลฯ แต่นั่น…ก็ยังกระทบใจคนไทยน้อยกว่าก่อนหน้าที่นิวส์วีคเคยบอกว่า ประเทศไทยมีดีแค่ที่วัด สนามกอล์ฟ และเซ็กส์ !
คนไทยรู้สึกรับไม่ได้กับคำวิพากษ์วิจารณ์ตรงๆ เช่นนั้น ดิฉันตอบให้ก็ได้ว่า เพราะเป็นความรู้สึกที่ต่ำต้อยมากเวลาถูกมองอย่างนั้น ให้ถูกว่าเป็นเมืองแห่งฝันร้าย เป็นเมืองที่ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ เป็นเมืองที่ผู้คนยากจน ด้อยพัฒนา ฯลฯ ก็ยังดีกว่ามาบอกว่า ทั้งเมืองมีดีแค่โสเภณี แต่พอพูดอย่างนี้ ฝรั่งก็จะบอกว่าทำไมคนไทยต้องมองอาชีพโสเภณีเป็นอาชีพที่ต่ำต้อ ยอีก
เมื่อหลายปีดีดัก ดิกชันนารีลองแมนที่ใช้กันทั่วโลก ให้ความหมายของกรุงเทพมหานครว่า เป็นเมืองหลวงของประเทศไทยซึ่งเต็มไปด้วยวัดและโสเภณี ทำให้คนไทยหลายคนโกรธขึ้งจนร้องไห้ และคอลัมนิสต์ไทยออกมาละเลงคำตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน และก็เป็นการแจ้งเกิดของคอลัมนิสต์อย่าง แอนดรูว์ บิ๊กส์ หนุ่มออสซี่ที่ออกมาตีพิมพ์บทความแรกของเขา บอกให้คนไทยยอมรับความจริงมากกว่าโกรธฝรั่งที่พูดเช่นนั้น
แอนดรูว์ ยกตัวอย่างให้เห็นถึง ความรู้สึกของคนต่างชาติที่มองกรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งเซ็กส์อย่างสนิทใจ และพยายามชี้ให้เห็นว่าเมืองยูมีโสเภณีเยอะจริงๆ นะ ไม่รู้ตัวหรือไง
เมื่อแอนดรูว์พูดเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่คนไทยเถียงไม่ออก เพราะยังพอเชื่อได้ว่า เขาอยู่เมืองไทยมานานพอที่จะรู้จักเรา ไม่ใช่นักข่าวฝรั่งที่เข้ามาอยู่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ใช้เวลาอยู่แต่ในบาร์เบียร์ย่านข้าวสารหรือพัฒน์พงษ์ พอต้องส่งต้นฉบับก็เขียนแต่สิ่งโสมมที่ตัวเองได้เห็น
เพื่อนนักข่าวฝรั่งของดิฉันมักถามว่า น่าแปลกที่บ้านคุณบอกว่าเป็นเมืองพุทธผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว แต่กลับมีโสเภณีมากที่สุดในโลก ฉันไม่รู้จะตอบยังไงได้ ในบรรยากาศงานของงานปาร์ตี้น่าเบื่อ กินเบียร์ เต้นเพลงละติน กับถั่วถุงใหญ่ถุงหนึ่ง ไม่มีอารมณ์จะเสวนายืนยาวด้วย ได้แต่ตอบตามอารมณ์แอลกอฮอล์ว่า
” แล้วโสเภณี มันต่างกับฟรีเซ็กส์บ้านยูตรงไหน ” ได้เรื่องเลยทีนี้ นักข่าววงใหญ่ จากหลายสำนักตีวงเข้ามา โดยมีดิฉันเป็นไข่แดงอยู่ตรงกลาง
คนที่ 1 : ต่างกันโขเลยคุณ โสเภณีไม่มีสิทธิเลือกว่าจะนอนกับใครหรือไม่ ขอเพียงมีเงินก็ซื้อได้ ยิ่งกับเด็กละก็ นั่นมันซื้อขายชีวิตคนชัดๆ แต่ฟรีเซ็กส์ ผู้หญิงมีสิทธิเลือก พอใจก็ไป ไม่พอใจก็ไม่ไป เป็นความพอใจส่วนตัว เป็นสิทธิบุคคล
คนที่ 2 : คงเป็นเพราะประเทศของคุณไม่ฟรีเซ็กส์น่ะสิ ก็เลยมีโสเภณีเยอะ ดูประเทศที่ฟรีเซ็กส์เขาไม่จำเป็นต้องมีโสเภณีอย่างนี้เลย
ดิฉันถามต่ออย่างลวดลายว่า ” ก่อนหน้าที่คุณจะมาประเทศไทยที่เคยได้ยินว่า มีโสเภณีเยอะเต็มบ้านเต็มเมืองน่ะ พอมาประเทศไทยแล้ว ถามจริงเถอะมันเยอะขนาดที่ว่ามั๊ย”
คนที่ 3 : ขอโทษนะที่ต้องตอบตรงๆ ผมว่า ” โสเภณีเมืองไทยช่างเยอะจริงๆ ตามสวนสาธารณะ ริมถนน สถานีรถไฟ สนามบิน ร้านค้า ทุกที่มีคนชวนเราให้เที่ยวอย่างว่า กลางคืนมีสถานบริการผุดเป็นดอกเห็ด ไม่ว่าจะเป็นหมอนวด โรงแรม ผับ บาร์ ริมถนน ป้ายรถเมล์ ผมไม่นึกว่ามันจะเยอะอย่างนี้ ต่อให้ไม่ใช่โสเภณี ผู้หญิงธรรมดาๆ บางคนก็พร้อมจะไปกับฝรั่ง”
ฟังแล้ว อารมณ์แอลกอฮอล์ของฉันเริ่มระอุ และพร้อมจะเพิ่มดีกรี หากฝรั่งที่นั่งตรงหน้ายังพูดอะไรกระทบ “ศักดิ์ศรีหญิงไทย” ยิ่งกว่านี้ “ไม่หลงตัวเองไปหน่อยหรือไง” ตาฉันเริ่มขวาง
คนที่ 4 : Calm downๆ จำได้ว่าตอนฉันเด็ก เด็กมากๆ เวลาซนในห้อง ครูที่โรงเรียนจะขู่ว่า ถ้าไม่หยุดดื้อจะส่งไปประเทศไทย ซึ่งนั่นเป็นที่เข้าใจดีว่า เพราะประเทศไทยมีโสเภณีเด็กมากที่สุดในโลก ฉันก็เลยหยุดร้องไห้ทันที แล้วก็จำภาพประเทศไทยเช่นนั้นมาตลอด
พอได้มาอยู่ที่นี่ ฉันแปลกใจที่ไม่เคยรู้จักประเทศไทยในแง่ที่ดีมาก่อนเลย ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีสิ่งที่ดี น่ารักเยอะแยะไปหมด แต่ฉันบอกให้นะว่า “พอคนพูดถึงประเทศไทย เขาก็จะนึกถึงเซ็กส์ อเมซซิ่งไทยแลนด์หมายถึง เซ็กส์ทัวร์ สไมล์ออฟไทยแลนด์ หมายถึงรอยยิ้มเปี่ยมเซ็กส์ และไทยมาสสาทก็ไม่ใช่วิชาการแพทย์โบราณ แต่หมายถึงกิจกรรรมอย่างว่า สัญลักษณ์ช้างก็ไม่ได้ทำให้เรานึกถึงอย่างอื่น นอกจากไทยแลนด์ดินแดนแห่งเซ็กส์อีก ”
คนที่ 5 : ทำไมในเมื่อประเทศคุณก็มีโสเภณีเยอะ ทำไมไม่ยอมรับ แล้วก็มานั่งคิดแก้ปัญหาจริงๆ สักที… ทำไม รัฐบาลคุณไม่สู้เพื่อผู้หญิงของตัวเอง แต่กลับปิดหูปิดตา เหมือนไม่รับรู้ ไม่เห็น และก็มองพวกเขาอย่างรังเกียจ ผมเคยไปมาดากัสการ์ ที่นั่นก็มีโสเภณีเยอะ แต่เขาก็เริ่มมีกระบวนการตรงนี้แล้ว แต่ไม่เห็นในประเทศไทยเลยจะเริ่มต้นทำอะไรเลย
” แล้วบ้านคุณ ไม่มีโสเภณีกันเลยหรือไง ทำไมถึงมาว่าประเทศอื่นเขานักหนา หือ ไม่มีโสเภณีกันเลยหรือ ” ฉันถามราวกับสงสัยเต็มแก่
คนที่ 6 : ที่ประเทศผม “โสเภณีส่วนใหญ่ไม่สวย แก่ อ้วน หน้าตาอุบาทว์ แถมราคาแพง และก็หายาก และซ่องเป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ไม่ได้หาได้ทั่วไป เพราะฉะนั้นลืมได้เลย เวลาอยากจะจ่ายเงินเพื่อนอนกับใครสักคน หายากยิ่งกว่างมเข็มอีก ”
” ใครจะไปเชื่อ มีเงินก็ซื้อได้ ของอย่างนี้ ไม่เห็นจะหายากเลย มีทั้งโลกน่ะแหละ อะโด่ อย่ามาหลอกให้ยากเลย ” ฉันคิดในใจอย่างนี้จริงๆ ด้วยความเคยชิน
ทุกคน : ฉอด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หลังสิ้นสุดสนทนาประสาทแ-ก ดิฉันพยุงร่างราวไร้วิญญาณกลับบ้าน ยังไม่ทันได้นั่งหายเมื่อย น้องสาวโทรมาจากออสเตรเลีย โวยวายว่า วันนี้เรียนวิชาโฆษณา โปรเฟสเซอร์ฝรั่ง เอาโปสเตอร์เชิญชวนมาเที่ยวเมืองไทยมาวิเคราะห์ให้ฟังว่า รูปผู้หญิงที่พนมมือถือดอกบัว สื่อความหมายแฝงในแง่เชิญชวนให้มาเที่ยวเซ็กส์ในเมืองไทย เพราะดอกบัว คือสัญลักษณ์ของ “ไอ้นั่น” ของเพศชาย ?!?
” หนูจะเถียงมันว่า การพนมมือคือเคารพ ดอกบัวเป็นของสูง สัญลักษณ์ของการบูชา ซึ่งหมายถึงว่า เราแสดงความต้อนรับอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่เกลียดมัน ไม่อยากพูด เสีย’รมณ์ ”
แล้วหล่อนก็วางโทรศัพท์โครม !!! ปล่อยให้ดิฉันนั่งใคร่ครวญอย่างมีสติสัมปชัญญะ เป็นครั้งแรกในรอบหลายชั่วโมงที่ผ่านมา คิดได้ว่าทีหลัง แทนที่จะเครียดขึ้ง เรามา.. ” โอ.เค. คุณว่าบ้านเรามีโสเภณีเยอะ งั้นมานั่งคุยกัน คุณคิดว่า ปัญหาอย่างนี้ถ้าเป็นคุณจะแก้อย่างไร เราควรจะเริ่มต้นอย่างไร และคุณจะช่วยเราแก้และทำอะไรได้มั่ง ” มันคงจะดีกว่านั่งโกรธตีอกชกตัวเอง…ว่าไหมคะ
เอ..หรือว่าจะใช้มุขเด็ดที่เราคุ้นเคยแต่เก่าก่อนว่า ” อะโหลๆ คุณพูดอะไร ฟังไม่ออก ฟังไม่เข้าจายยย ไปก่อนนะ ”
ข้อความข้างต้นที่ได้โพสต์ไว้ ได้คัดลอกมาจาก เวบ เวปหนึ่งคะ ซึ่งเห็นว่า เป็นข้อคิดที่ดีค่ะ และมองในอีกแง่มุมนึง สำหรับ คนไทย สาวไทย ที่ทำเรื่องวีซ่า ทำไมถึงผ่าน ยาก ทำไมต้องเช็คละเอียด ทำไมและทำไม ก็เพราะในสายตาของ คนต่างชาติต่างมอง(เมืองไทย) คนไทย ผู้หญิงไทย ใน แง่ไม่ดี
จริงอย่างที่คุณ queengambit ว่าคะ เราเป็นเสียงส่วนน้อย แต่ก็มีส่วนร่วมในการช่วยสอนในเพื่อนพี่น้อง ลูกหลาน ให้ยังคงรักษาวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม การรักนวลสงวนตัว ไม่ส่งเสริมให้คิดว่า การได้แฟนต่างชาติหรือ การมีอะไรกะชาวต่างชาติจะ ต้องได้ดี เลิศเลอกว่าชายไทย คนทุกคน ทุกชาติ มีทั้งดีและชั่วปะปนกัน
รูปประกอบจาก internet
ซ้ำขออภัยค่ะ
ที่มา: http://www.weddingsquare.com/forum_posts.asp?TID=45334
0 comments:
Post a Comment